ญาติไม่เชื่อคำสารภาพ หมวดปืนโหด ไม่ทำตามสัญญาวิ่งเต้น ปมมรณะ-พยานเอกพบตำรวจ
เจ้าหน้าที่การทางพิเศษ จำนวน 2 คน พบตำรวจ ให้ปากคำ ชี้ตัว หมวดนัท ขณะที่ญาติเสี่ยอสังหาฯ ไม่เชื่อคำสารภาพ ที่อ้างว่าปมเหตุเกิดจากผู้ตายหลอกให้ไปทำงานขับรถเป็นเวลา 5 เดือน และสัญญาว่าจะวิ่งเต้นเรื่องตำแหน่งให้ แต่ไม่ทำตามสัญญา
จากกรณี เกิดเหตุ ร.ต.ท.ณรงค์วัส ทะชาดา รอง สว.(สอบสวน) สน.หัวหมาก ยิงนักธุรกิจหนุ่มเสียชีวิตอย่างอำมหิต บนทางด่วนฉลองรัช กม.10 เหนือถนนประดิษฐ์มนูธรรม กรุงเทพฯ ก่อนชิงเอารถคนตายเป็นรถตู้ฮุนได เอช 1 สีดำ ทะเบียนป้ายแดง ขับหลบหนีไป เหตุช่วงกลางดึกคืนวันที่ 29 ธ.ค. 66 ก่อนถูกจับกุมตัวได้ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าคดี หมวดปืนโหด เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 30 ธันวาคม 2566 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ วัดศิริเสาธง ต.บางเสาธง อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ พบกับนายปุย อายุ 48 ปี และ นายป้อม อายุ 50 ปี น้าของผู้เสียชีวิต ที่ได้มาเตรียมสถานที่รอรับศพอยู่ที่ศาลาสุพงศ์-ศรีอริยะวัฒน์กุล วัดศิริเสาธง ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว โดยกล่าวว่า ไม่เชื่อคำให้การของผู้ต้องหา ที่อ้างว่าถูกผู้เสียชีวิตหลอกให้ไปทำงานขับรถให้เป็นเวลา 5 เดือน และสัญญาว่าจะวิ่งเต้นเรื่องตำแหน่งให้ แต่ไม่ทำตามสัญญา ที่ผ่านมาหลานชายเป็นคนใจกว้าง มักจะเลี้ยง ดูแลคนใกล้ชิดอย่างดี เคยเลี้ยงอาหารให้กับโรงพักของผู้ต้องหาด้วย และต้องการขอให้ดำเนินการกับผู้ต้องหาให้ถึงที่สุด อย่าช่วยกัน ถึงแม้ผู้ก่อเหตุจะเป็นตำรวจด้วยกัน
จากนั้นเวลา 14.30 น. รถได้เคลื่อนย้ายศพมาจาก รพ.ตำรวจ มาพร้อมกับ แม่และภรรยาของผู้เสียชีวิต โดยมีญาติ และพระสงฆ์ในวัดช่วยกันยก เข้ามาในศาลา เตรียมทำพิธีรดน้ำศพ ในเวลา 16.00 น. ขณะนั้น ภรรยาของผู้เสียชีวิตยืนร้องไห้อย่างหนักด้วยความเสียใจ ส่วนแม่ของผู้เสียชีวิต ได้เดินเข้ามาหานักข่าว พร้อมแจ้งว่า ไม่สะดวกให้สัมภาษณ์และขอไม่ให้เก็บภาพทำข่าวเพราะต้องการความเป็นส่วนตัว
ต่อมาเมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 30 ธันวาคม 2566 ที่ กก.สส.บก.น.4 เจ้าหน้าที่การทางพิเศษ จำนวน 2 คน ซึ่งเป็นพยานปากสำคัญ เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อชี้ตัว หมวดนัท หรือ ร.ต.ท.ณรงค์วัส ทะชาดา รอง สว.(สอบสวน) สน.หัวหมาก หรือนัท อายุ 25 ปี นรต.75 ชาวจ.นครปฐม ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา เลขที่ 4841/2566 ข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และ พกพาอาวุธเข้าไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยเปิดเผยหรือโดยไม่มีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ และยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมชน” ว่าเป็นผู้ก่อเหตุยิงนายกฤษฏิ์ โดยก่อนจะเข้าไปให้ปากคำกับตำรวจ พยานได้พูดเพียงสั้นๆ ว่า ตนเองได้ยินปืนดังขึ้น 4 นัด ก่อนจะเข้าอาคารไป
ต่อมาหลังพบพนักงานสอบสวนประมาณ 1 ชั่วโมง พยานทั้งสองคนได้ออกมาจากอาคารรีบกลับไปขึ้นรถทันที สื่อมวลชนพยายามวิ่งตามไปสอบถาม เจ้าตัวพูดว่า รายละเอียดสำคัญๆ ได้ให้การกับตำรวจไปหมดแล้ว วันที่เกิดเหตุพวกตนดูกล้องวงจรปิดบนทางด่วนตามหน้าที่ เห็นรถตู้คันดังกล่าว จอดอยู่ข้างทางซ้ายมือ คิดว่ารถเสีย ทั้งสองคนจึงรีบรุดไปตรวจสอบเพื่อจะช่วยเหลือ
เมื่อถึงจุดเกิดเหตุเห็นนายกฤษฏิ์ ศรุวรานนต์ อายุ 30 ปี นอนได้รับบาดเจ็บอยู่ เมื่อกำลังช่วยคนเจ็บอยู่ เห็นรถตู้สีดำคันดังกล่าว วนรถกลับมาอยู่ฝั่งตรงข้ามวิ่งเข้ามา พวกตนจึงถอยออกห่างเพื่อป้องกันตัวเอง จากนั้นได้ยิงผู้ตายซ้ำอีก แต่ไม่ได้ยินว่ามีการพูดคุยอะไรกันหรือไม่
