ตำรวจคุมตัว 13 ผู้ต้องหา เอี่ยวคดียิง "น้องหยอด-ครูเจี๊ยบ" ฝากขังศาลอาญากรุงเทพใต้ ขณะที่ทางญาติเหยื่อเข้าขอยื่นเรื่องคัดค้านประกันตัวให้ ก.ม.ดำเนินการอย่างถึงที่สุด ล่าสุดมีรายงานว่า ตร.สามารถจับกุมตัว "ไอ้อั้ม" มือยิงได้แล้วที่ จ.เชียงใหม่ กำลังคุมตัวมากรุงเทพฯ
จากกรณี นศ.สถาบันคู่อริไล่ยิงกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย บริเวณธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) สาขาคลองเตย ถนนสุนทรโกษา แขวงและเขตคลองเตย กทม. เหตุเกิดเมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 11 พ.ย. ที่ผ่านมา จนทำให้ นายธนสรณ์ หรือหยอด ห้องสวัสดิ์ อายุ 19 ปี นักศึกษาชั้นปี 1 ได้รับบาดเจ็บสาหัสส่งรักษาตัวที่ รพ.จุฬาฯ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา นอกจากนี้ลูกหลงยังไปถูก น.ส.ศิรดา หรือครูเจี๊ยบ สินประเสริฐ อายุ 45 ปี ครูสอนวิชาคอมพิวเตอร์ ระดับชั้น ม.ต้น โรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์ ที่เดินผ่านมาพอดีเข้าหน้าผากถึงจนเสียชีวิต กลายเป็นเหตุสะเทือนขวัญ สร้างความเศร้าสลดให้ครอบครัว เพื่อนครู และนักเรียนเป็นอย่างมาก ต่อมา พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. นำกำลังเข้าตรวจค้นหลายจุดใน กทม. และปริมณฑล และจับกุมตัว 9 ผู้ต้องหาเป็นองค์กรอาชญากรรมทมิฬร่วมก่อเหตุ โดยแกนนำผู้มีผลงานจะมีสัญลักษณ์ฟันเฟือง 4 อัน ที่ต้นแขน พร้อมเร่งติดตามตัวผู้ต้องหาอีก 3 คนที่เหลือตามหมายจับ คือ นายวิน มือลั่นไกสังหารครูเจี๊ยบและน้องหยอด และนายเลาะ คนขี่รถ จยย.วันเกิดเหตุ และ นายวุฒิ ทำหน้าที่ชี้เป้าและสนับสนุนการก่อเหตุ ต่อมาเปิดปฏิบัติการ ค้นอีก 14 จุดทั่ว กทม.และปริมณฑล จนจับกุมผู้ต้องหาได้อีก 12 คน ร่วมทั้ง นายนพวุฒิ เรืองศรี หรือวุฒิ หนึ่งในทีมมือยิงครูเจี๊ยบ
ความคืบหน้า เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 19 ธ.ค. 66 พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผบก.น.5 เดินทางมา ที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ เพื่อเร่งรัดการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ต้องหาและเครือข่าย รวม 13 คน คดียิงครูเจี๊ยบและน้องหยอด ประกอบด้วยผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญากรุงเทพใต้ ลงวันที่ 16 ธ.ค. 66 แบ่งเป็นข้อหา "ร่วมกันสมคบกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน (ซ่องโจร)" คือ นายชนัญชิต หรือเป๊ปซี่ แสงจันทร์ อายุ 21 ปี ชาว จ.ปทุมธานี, นายจิรเมธ นามณรงค์ อายุ 20 ปี ชาว จ.นนทบุรี, นายกันตพงศ์ พรมพิทักษ์ อายุ 28 ปี ชาว จ.กำแพงเพชร, นายขจรศักดิ์ แต้ม ชัยภูมิ อายุ 25 ปี ชาว จ.ขอนแก่น, นายกรกฎ ตื้อแอ้ อายุ 20 ปี ชาว จ.ขอนแก่น, นายสุขสันต์ กองแก้ว อายุ 22 ปี ชาวกรุงเทพฯ, นายชุมนุมโชค เอี่ยมปาน อายุ 21 ปี ชาว จ.นนทบุรี, 8.นายนครินทร์ นาคิน อายุ 29 ปี ชาว จ.ปทุมธานี และ นายณัฏฐกิตต์ คำเก่า อายุ 33 ปี ชาว จ.สุโขทัย
นอกจากนี้ ยังมี น.ส.อัญญารัตน์ ทองสุข อายุ 24 ปี ชาวกรุงเทพฯ, นายธนโชติ บุญสงเคราะห์ อายุ 22 ปี ชาว จ.สมุทรปราการ ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ลงวันที่ 16 ธ.ค. 66 ข้อหา "สนับสนุนร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน" โดยมีผู้ต้องหาคนสำคัญ คือ นายนภวุฒิ หรือวุฒิ เรืองศรี อายุ 25 ปี นศ.ปี 3 สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน คนชี้เป้ายิงครูเจี๊ยบและน้องหยอด ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ลงวันที่ 22 พ.ย. 66 ข้อหา "ร่วมกันสมคบกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่บัญญัติไว้ในภาค 2 นี้" และผู้ต้องหารายที่ 13 จับกุม นายอัฐวุธ สินอยู่ อายุ 23 ปี ข้อหา "ร่วมกันสมคบกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน (ซ่องโจร)" ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.บช.น. ได้นำผู้ต้องหาทั้งหมดส่งดำเนินคดีพื้นที่เกิดเหตุ พนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ มีการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้วตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา มีกลุ่มเพื่อนและญาติของผู้ต้องหา 13 คน ทยอยเดินทางเข้ามาเยี่ยม จากการสังเกตของผู้สื่อข่าวพบว่า หลายคนมีลักษณะคล้ายกับเด็กนักเรียนจากสถาบันเดียวกันกับผู้ต้องหา แต่ทั้งหมดไม่ขอให้สัมภาษณ์ใดๆ ส่วนที่บริเวณด้านหน้า สน.ทุ่งมหาเมฆ มีการจัดกำลังตำรวจกว่า 10 นาย ตั้งแถวรับฟังแนวทางและข้อปฏิบัติในการควบคุมสถานการณ์และพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อเตรียมความพร้อมในช่วงที่จะส่งตัวผู้ต้องหาฝากขัง โดยมีการเตรียมอาวุธปืนกระสุนยาง โล่ และไม้ง่าม เพื่อเตรียมพร้อม หากมีเหตุความไม่สงบเรียบร้อยเกิดขึ้น หรืออาจจะมีกลุ่มคู่อริต่างสถาบันของผู้ต้องหามาก่อความวุ่นวาย
ต่อมา ที่ห้องประชุมชั้น 1 สน.ทุ่งมหาเมฆ น.ส.รุจลักษณ์ เพชรรัตน์อายุ 44 ปี พนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง แม่ของนายณัฐวุฒิ พินิจใหม่ อายุ 24 ปี อดีต นศ.แผนกโลจิสติกส์ เทคโนยีราชมงคลพระนครเหนือ เพื่อนเจ้าบ่าว ผู้เสียชีวิตถูกยิงในงานแต่งงานพื้นที่ สน.สุทธิสาร เหตุเกิดปี 2565 และ น.ส.นิชลักษณ์ พลรัตน์ อายุ 25 ปี เพื่อนเจ้าสาว ได้เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผบก.น.5 เพื่อขอให้ตำรวจคัดค้านการประกันตัว นายชนัญชิต หรือเป๊ปซี่ แสงจันทร์ อายุ 21 ปี และกลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมด
พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผบก.น.5 กล่าวว่า เปิดเผยว่า เมื่อคืนนี้ พนักงานสอบสวนได้มีการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งหมดจนถึงดึก ถือว่ากระบวนการสอบสวนเสร็จสิ้นครบถ้วนแล้ว หลังจากนี้จะนำข้อมูลไปขยายผลเพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหารายอื่นๆ ต่อไป โดยผู้ต้องหาทั้ง 13 คน ยังคงให้การปฏิเสธ แต่บางส่วนก็ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ วันนี้จะมีการส่งตัวไปขออำนาจศาลอาญากรุงเทพใต้ฝากขัง มีการจัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทุ่งมหาเมฆ 10 นาย และชุดเคลื่อนที่เร็วของกองบังคับการตำรวจนครบาลอีก 20 นาย มาร่วมสนับสนุนด้วย เพื่อป้องกันเหตุตั้งแต่ที่สถานีตำรวจไปจนถึงศาล เนื่องจากในการส่งผู้ต้องหาลอตก่อนหน้านี้ไปฝากขัง ได้มีกลุ่มเพื่อนของผู้ต้องหามาเยี่ยมและตามไปที่ศาล แต่วันนี้ยังไม่เห็น ต้องมีการป้องกันไว้ก่อน อย่างไรก็ตามครั้งที่แล้วกลุ่มเพื่อนของผู้ต้องหา ไม่ได้มีการสร้างความวุ่นวายอะไร
ในส่วนของผู้ต้องหาทั้ง 13 คน พนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัวทั้งหมด ส่วนกรณีที่มีกลุ่มผู้เสียหายในคดีอื่นๆ กังวลเรื่องการได้รับการประกันตัวนั้น ส่วนนี้ถือว่าเป็นดุลยพินิจของศาลด้วย สามารถไปยื่นคำร้องเพิ่มเติมที่ศาลได้ด้วย และหลังจากนี้จะยังคงดำเนินการขยายผลจับกุมกลุ่มผู้ที่ร่วมก่อเหตุ มั่นใจว่าเป็นขบวนการอาชญากรรมขนาดใหญ่ที่ต้องกวาดล้างให้เด็ดขาด
ขณะที่ น.ส.รุจลักษณ์ เพชรรัตน์ อายุ 44 ปี แม่ของผู้เสียชีวิตในงานแต่งงาน กล่าวว่า เนื่องจากเหตุการณ์ผู้ก่อเหตุบุกยิงกลางงานแต่งที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 ส.ค. 65 จนทำให้ลูกชายตนเสียชีวิต หลังจากนั้น ผู้ก่อเหตุถูกจับกุมตัวได้ แต่ได้รับการประกันตัวออกไป และมาทราบว่า เป็น 1 ในคนที่ถูกจับกุมครั้งนี้ด้วย คือ เป๊ปซี่ ตนจึงรู้สึกถึงความไม่เป็นธรรม มองว่าหากผู้ก่อเหตุไม่ได้รับการประกันตัว ก็คงไม่มีเหตุการณ์ยิงครูเจี๊ยบและน้องหยอดเกิดขึ้นตามมาอีก รวมไปถึงเหตุการณ์อื่นๆ ขอวอนให้ตำรวจพิจารณาสิ่งที่ครอบครัวผู้สูญเสียร้องขอ
"ตนจะยื่นคัดค้านการประกันตัวทั้งต่อตำรวจและต่อศาล เพื่อให้มีน้ำหนัก เพราะไม่ต้องการให้ผู้ก่อเหตุได้รับการประกันตัว จะได้ไม่ต้องไปก่อเหตุซ้ำๆ อีก ตนไม่รู้ว่าการขอประกันตัวนั้น ต้องการออกมาเพื่อสู้คดี หรือออกมาเพื่อก่อเหตุซ้ำ และผู้ต้องหาที่ตำรวจจับมานั้น ก็เป็นผู้ต้องหาคนที่ 1 ในคดีที่ลูกชายตนเสียชีวิต โดยตนอยากให้ตำรวจกวาดล้างเรื่องนี้ให้หมดไปสักที และอยากฝากถึงสถาบันว่าหากมีเนื้อร้ายก็ต้องตัดทิ้งไม่ควรอุ้มชูไว้" น.ส.รุจลักษณ์ กล่าว
ด้าน น.ส.นิชลักษณ์ พลรัตน์ อายุ 25 ปี เพื่อนเจ้าสาว กล่าวทั้งน้ำตาว่า เหตุการณ์วันนั้น เจ้าบ่าวเป็นศิษย์เก่าอุเทนถวาย ส่วนเพื่อนที่เสียชีวิตเป็นเพื่อนสมัยอนุบาล ไม่ได้เรียนที่อุเทนถวายด้วย วันนั้นตนเห็นรถจักรยานยนต์แปลกๆ มาขับวนตั้งแต่เช้า พอตอนที่แขกกำลังทยอยกลับก็เลือกเข้ามาก่อเหตุตรงจุดที่กลุ่มเพื่อนๆ นั่งสังสรรค์กัน เพื่อนที่เสียชีวิตกำลังจะกลับแล้วออกไปยืนคุยโทรศัพท์อยู่หน้าบ้านจึงถูกยิง และผู้ก่อเหตุก็ยังเข้ามายิงคนที่อยู่ด้านในจนได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก 4 คน
"ส่วนเป๊ปซี่นั้น จากการที่ตำรวจไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่า เป็นคนที่ขี่รถมาดูที่เกิดเหตุ 3-4 วัน ก่อนเกิดเหตุ และตนก็คาดว่าน่าจะเป็นคนที่ลงมือยิงด้วย เพราะเป็นผู้ต้องหาคนที่ 1 ของคดี หลังจากตนได้เห็นพฤติกรรมของเป๊ปซี่หลังถูกจับกุม รู้สึกว่าเป๊ปซี่ไม่ได้รู้สึกผิด ยังทำตัวเหมือนเดิม วันนี้จึงกลัวจะได้รับการประกันตัวอีก เพราะไม่รู้ว่าจะมาก่อเหตุซ้ำอีกหรือไม่ ทุกวันนี้ตนยังรู้สึกเสียใจ ภาพเหตุการณ์วันนั้นยังติดอยู่ในใจ เพื่อนหลายคนต้องมาโดนยิง ทั้งที่ไม่ได้มีใครเกี่ยวข้อง ไม่ได้เรียนสถาบันคู่ขัดแย้งเลย เชื่อว่าคนก่อเหตุมายิงเพียงแค่เพราะว่าต้องการทำแต้ม" น.ส.นิชลักษณ์ กล่าว
ต่อมา น.ส.พรพิมล จำเมือง อายุ 55 ปี แม่น้องหยอด พร้อมญาติถือรูปถ่ายน้องหยอดเดินทางมาที่ชั้น 2 บริเวณหน้าห้องควบคุมผู้ต้องหา น.ส.พรพิมล นั่งกอดรูปลูกชายกล่าวด้วยน้ำตาว่า ขอเดินหน้าถึงที่สุดและขอคัดค้านการประกันตัวและยังไงลูกก็ต้องได้รับความยุติธรรม ซึ่งตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา ก็ติดต่อติดตามข่าวจากทางตำรวจเป็นระยะ พร้อมให้กำลังใจขอให้จับกลุ่มกลุ่มผู้ก่อเหตุมาได้โดยเร็ว
ทั้งนี้เชื่อว่าตำรวจทำงานอย่างเต็มที่ แต่ตัวเองในฐานะครอบครัวผู้สูญเสียก็จะเดินหน้าให้ถึงที่สุด และอยากขอความยุติธรรมให้กับลูกชาย เพราะน้องมีความฝันมีอนาคตที่ดี แต่น้องต้องมาเสียชีวิตจากคนพวกนี้ อยากให้เจ้าหน้าที่กวาดล้างให้เด็ดขาด เพราะเชื่อว่าคนพวกนี้ไม่มีจิตสำนึก และอยากให้ครอบครัวผู้ก่อเหตุมองในทางกลับกันว่า หากเป็นคนในครอบครัวจะรู้สึกอย่างไร เพราะลูกชายยังสามารถไปทำงานส่งเสียครอบครัว และเลี้ยงดูน้องชายอีกคนนึงได้
"รู้สึกไม่เห็นด้วยที่กฎหมายมาคุ้มครองนักศึกษาและเยาวชน เพราะตัวเองเป็นครอบครัวผู้สูญเสียแต่กลับต้องวิ่งหาความยุติธรรม แต่พวกที่ก่อเหตุกลับได้รับความคุ้มครอง" แม่น้องหยอด กล่าว
ต่อมาเวลา 10.00 น. เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมผู้ต้องหาออกจากห้องคุมขังชั้น 2 ของโรงพัก ไปผัดฟ้องฝากขัง ผัดแรกเป็นเวลา 12 วัน ระหว่างวันที่ 19-30 ธ.ค. 66 ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ พร้อมคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีอุจฉกรรจ์สะเทือนขวัญ กลุ่มผู้ก่อเหตุทำกันเป็นกระบวนการ
ขณะเจ้าหน้าที่ควบคุมกลุ่มผู้ต้องหาออกจากห้องขังชั้น 2 เดินลงมาที่รถยนต์ควบคุมผู้ต้องหาส่งศาล น.ส.พรพิมล จำเมือง อายุ 55 ปี แม่น้องหยอด น.ส.รุจลักษณ์ เพชรรัตน์ อายุ 44 ปี แม่ของหนุ่มที่ถูกยิงเสียชีวิตในงานแต่ง และ น.ส.นิชลักษณ์ พลรัตน์ อายุ 25 ปี เพื่อนเจ้าสาว ได้ด่าทอกลุ่มผู้ต้องหา โดยเฉพาะแม่น้องหยอดได้กรูจะเข้าไปทำร้าย นายเป๊ปซี่ จึงทำให้เกิดเหตุการณ์ชุลมน เจ้าหน้าที่ต้องกันตัวออกมา
ทั้งนี้ มีรายงานอีกว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.บช.น.ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจับกุม นายอนาวิน หรืออั้ม แก้วเก็บ มือยิงครูเจี๊ยบและน้องหยอดได้แล้ว ที่ จ.เชียงใหม่ เบื้องต้นกำลังคุมตัวเดินทางมาที่ กทม.เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
