"รองต่อศักดิ์" พร้อมญาติและเพื่อนตำรวจ เข้ารับร่าง "ผกก.เบิ้ม" ที่นิติเวชโรงพยาบาลภูมิพลฯ ยันไม่มีการฆ่าตัดตอน ลั่น "น้องมันไม่ใช่ตำรวจที่เลว" เตือนสติชาวโซเชียลสื่อสังคมออนไลน์ อย่าพิพากษาใคร อย่าเพิ่งมโน ให้ว่ากันไปตามพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์
ความคืบหน้าคดี นายธนัญชัย หรือหน่อง หมั่นมาก อายุ 45 ปี ลูกน้องกำนันนก คนดังเมืองนครปฐม มือปืนสังหารโหด "สารวัตรศิว หรือสารวัตรแบงค์" พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว อายุ 31 ปี สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. นายตำรวจหนุ่มตงฉินคางานเลี้ยงบ้านตัวเอง ต่อมา "ผกก.เบิ้ม" พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ ผกก.2 บก.ทล. ยิงตัวตายดับคาบ้านย่านลำลูกกา จ.ปทุมธานี หลังเครียดในคดี ประกอบกับถูกสังคมกดดันเป็นต้นเหตุชวนลูกน้องมาตาย นั้น
เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 12 กันยายน 2566 ที่ห้องนิติเวช โรงพยาบาลภูมิพลฯ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วยครอบครัวของ พ.ต.อ.วชิรา ยอดไทยสงค์ ผกก.2 บก.ทล. ได้เข้าติดต่อขอรับศพ พ.ต.อ.วชิราหรือ ผกก.เบิ้ม ไปบำเพ็ญกุศลที่วัดตรีทศเทพ ท่ามกลางบรรยากาศเศร้าสลด โดยสีหน้าของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ มีความเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด จากการจากไปของ ผกก.เบิ้ม ในขณะที่ครอบครัวอยู่ในอาการเศร้าโศกเสียใจ
ภายหลัง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันแรกได้ไปที่เกิดเหตุที่ จ.นครปฐม ได้พูดคุยกับ ผกก.เบิ้ม เขารู้สึกเสียใจที่ดูแลน้องไม่ได้ แล้วก็พูดอยู่อย่างนี้มาตลอด ตนพยายามให้ผู้บังคับบัญชาและเพื่อนๆ ใน นรต.รุ่น 55 ให้ดูแลเบิ้มหน่อย เพราะดูว่าเขาเครียดมีความกดดันจากสื่อสังคมออนไลน์ จากเพื่อนฝูงว่า เบิ้มเอาน้องไปตายหรือเปล่า ทั้งนี้ตัว ผกก.เบิ้มเป็นคนคิดมากอยู่แล้ว มีโรคเครียด ประกอบกับเมื่อวานเป็นงานศพของ พ.ต.ต.ศิวกร
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า หลังงานพระราชทานเพลิงศพ พ.ต.ต.ศิวกร ตนได้รับโทรศัพท์ว่า เบิ้มยิงตัวตาย ก็รีบมาดูที่เกิดเหตุ พบว่า เป็นกระสุนนัดเดียวเข้าทางด้านขวากระสุนทำลายสมองเสียชีวิตโดยฉับพลัน ตนขอตำหนิการนำเสนอภาพของผู้เสียชีวิต อยากให้สื่อมวลชนคำนึงถึงครอบครัวที่เขาสูญเสียด้วย เพราะภาพดังกล่าวเป็นการตอกย้ำครอบครัวของเขา และลูกของเบิ้มยังเล็ก อายุแค่ 8 ขวบ
"ผกก.เบิ้มมันไม่ใช่ตำรวจที่เลว แต่สังคมกลับไปพิพากษาเขา ถามว่าเบิ้มมันยิงใครหรือเปล่า แล้วเบี่ยงประเด็นไปไหนหรือเปล่า ตำรวจที่ไหนผิดก็ว่ากันไปเป็นชอตๆ พ.ต.ต.ศิวกรเป็นคนดี ถูกคนร้ายยิง ตำรวจต้องไปหาสาเหตุที่ตัวคนร้าย แต่สังคมมาโฟกัสที่ตำรวจ ตำรวจผิดก็ว่าไปตามผิด ตามพยานหลักฐาน แต่อย่ามโนกันไปก่อน แล้วถ้าพยานหลักฐานมันไปแล้วไม่ใช่อย่างที่สังคมกล่าวหา ใครจะรับผิดชอบ เมื่อวานนี้มีคนพูดหลายประเด็นเป็นฉากๆ พูดไปทำตำรวจกลายเป็นจำเลยสังคม คดีนี้พยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ กล้องวงจรปิดเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ตนไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก"
รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า ในกลุ่มไลน์นักเรียนร่วมรุ่น รุ่นพี่ รุ่นน้อง มีการกดดัน ผกก.เบิ้ม มากว่าทำไมไม่ดูแลน้อง สิ่งนี้มันทำให้เบิ้มเครียดมาก เบิ้มเปรยว่า "อยากจะบวชให้น้องมัน ผมเป็นหัวหน้าครอบครัวแล้วพาน้องไปตาย" เบิ้มถูกฝึกมาเยอะ เป็นกลุ่มนักรบต้องแสดงความรับผิดชอบและเป็นโรคเครียด ถูกกดดันหลายๆ ทาง ตนเองเคยผ่านการถูกกดดันมาหลายรอบเหมือนกัน แต่สิ่งที่ครองสติเราได้ คือ ครูบาอาจารย์ที่สอน ตนถึงต้องเอาน้องๆ ตำรวจ ไปปฏิบัติธรรม เพราะเวลาเกิดวิกฤติในชีวิตสิ่งเหล่านี้จะทำให้เราครองสติได้ ถ้าเรามีสติก็จะมีปัญญาในการแก้ไขสถานการณ์ แต่ถ้าขาดสติเราจะใช้อารมณ์ในการตัดสินปัญหา
ตอบข้อถามว่า เคยสอบถามกับทาง ผกก.เบิ้มหรือไม่ว่า ใครเป็นผู้โทร. ตาม พ.ต.ต.ศิวกรไปร่วมงานเลี้ยง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า ตนไม่อยากกดดันลูกน้อง และไม่เคยไปถามเลยว่าเบิ้มโทร. ตามลูกน้องไปทำไม ที่ผ่านมาจึงรอผลทางตรวจสอบเซิร์ฟเวอร์ เพื่อไม่ให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัย ในงานแบ่งหน้าที่กันแล้ว ตนรับผิดชอบเรื่องปราบปราม ส่วนเรื่องการสอบสวนเป็นหน้าที่ของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.มีการแบ่งหน้าที่การทำงานชัดเจน
ทุกวันนี้ตนไม่เครียด ที่จะทำให้เครียดก็เพราะว่า ข้อความ ข่าวสารที่ส่งกันทางไลน์ ตนเห็นว่า เรื่องจริงคือจริง เรื่องไม่จริงก็คือไม่จริง ถามว่าตนจะเครียดทำไม ถ้าจริงก็ว่ากันไปเลยไม่ใช่ไปมโนแล้วโพสต์กันในเฟซบุ๊ก ทำให้กลายเป็นจำเลยสังคม ทั้งที่ศาลยังไม่ตัดสินเลย สังคมกำลังพิพากษาตัดสิน ให้เขาเป็นคนผิดใช่หรือเปล่า
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนเรื่องประเด็นโทรศัพท์ของ ผกก.เบิ้ม ทาง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป.รรท.ผบก.ทล. ได้เก็บโทรศัพท์ ไม่อยากให้เบิ้มมานั่งอ่าน เพราะข้อความมันเข้ามามาก และเขาก็เสพโทรศัพท์ ทำให้เกิดความเครียด พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เลยเก็บไม่อยากให้มานั่งอ่าน โดย "บอย" เพื่อนรักของ ผกก.เบิ้ม พาส่งเข้าโรงแรม ก่อนแท็กซี่จะรับมาส่งกลับบ้าน ไทม์ไลน์ของกล้องที่อยู่หน้าบ้านเห็นตอนเบิ้มปีนเวลาก็ตรงกัน เวลากับกระสุน 1 นัดมันก็ชัดเจน แต่มีการกล่าวหาว่า เป็นการสร้างภาพ จัดฉาก มันเป็นไปไม่ได้ ตำรวจรุ่นเก่าที่คิดแบบนี้ มีหลักฐานทุกอย่าง ทั้งโทรศัพท์และกล้องวงจรปิด คนที่คิดแบบนี้มันไม่มีความรู้เรื่องการสืบสวน สอบสวน ทำให้ชุดพนักงานสอบสวนเสียหาย ครอบครัวของเบิ้มไม่ติดใจ พวกเราอยู่กันแบบครอบครัว ตายแทนกันได้ เราถูกฝึกกันมาแบบนี้ คนมันเครียดเกิดจากการติดสินใจเพียงเสี้ยววินาที มันเป็นความรู้สึกกดดันของเขาที่ถูกสังคมตราหน้า จากนี้ต้องเอาหมอเข้าไปดูแลทั้งตำรวจและครอบครัวทั้งหมด เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก ให้เอาตามเอกสารหลักฐานดีกว่า อย่าเพิ่งไปมโนคิดกันไปเอง
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า ตำรวจได้ประสานกับทางกระทรวงมหาดไทย โดยท่านนายกฯ ได้สั่งการลงมา ในทางตำรวจเองก็มีหาข้อมูลอยู่แล้ว มันไม่มีหรอกเรื่องอิทธิพล มันเป็นเรื่องของความเกรงใจ ถ้าตำรวจไปอยู่ภายในพื้นที่ แต่ตอนนี้เรามีส่วนกลางตั้งหลายหน่วย ไม่จำเป็นจะต้องไปพึ่งพานักการเมืองท้องถิ่น ตนกับ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.พร้อมที่จะปราบปรามผู้มีอิทธิพลในแต่ละพื้นที่ แต่ละจังหวัดมีซุ้มไม่เหมือนกัน มีบ้านเล็ก บ้านใหญ่ ของนักการเมืองท้องถิ่น การไปร่วมงานเลี้ยงตำรวจต้องระวังตัว ต้องตรวจสอบก่อน สำรวจก่อนว่าใครเป็นใคร ถ้าไม่มีเรื่องไม่เป็นไร แต่พอมีเรื่องขึ้นมามันก็เดือดร้อน ทำให้หลายครั้งตนต้องเลี่ยงและปฏิเสธไม่ไปร่วมงานเลี้ยง
